อัมพชาดก

พระพุทธเจ้าตรัสเล่าเรื่อง  “อัมพชาดก”  ประกอบเรื่องที่พระเทวทัตคิดเป็นใหญ่และจะปกครองสังฆมณฑลแทนพระพุทธเจ้า  รวมทั้งสังฆเภท  (ทำให้สงฆ์แตกกัน)  สร้างความแตกแยกขึ้นในพระพุทธศาสนา  พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า  “มิใช่แต่ชาตินี้เท่านั้นที่เทวทัตบอกคืนอาจารย์  ชาติก่อนก็เช่นกัน”  แล้วจึงทรงเล่าเรื่องอัมพชาดก  ความว่า
ในอดีตกาลมีพราหมณ์หนุ่มคนหนึ่งได้เล่าเรียนมนต์เสกมะม่วงให้ออกผลได้ในชั่วพริบตาโดยอาจารย์ซึ่งเป็นจัณฑาล  มีข้อแม้ว่า  “มนต์นี้หาค่ามิได้   อาศัยมนต์นี้แล้วจะได้ลาภสักการะมากมาย  ถ้ามีคนถามว่าเรียนมนต์นี้มาจากใคร  ให้บอกตามความเป็นจริงว่าศึกษามาจากอาจารย์ผู้เป็นจัณฑาล  มิฉะนั้นแล้วมนต์ก็จะเสื่อม”
พราหมณ์หนุ่มใช้มนต์เสกมะม่วงในการเลี้ยงชีพ  วันหนึ่งคนรัษาพระราชอุทยานของพระเจ้ากรุงพาราณสีซื้อมะม่วงที่เกิดจากมนต์ไปถวายพระราชา  พระองค์ทรงติดใจรสชาติของมะม่วง  จึงให้ถามพราหมณ์หนุ่มว่าเรียนมนต์เสกมะม่วงมาจากใคร  ด้วยความละอายที่จะบอกว่าอาจารย์ของตนเป็นจัณฑาล  พราหมณ์หนุ่มจึงกราบทูลเป็นเท็จว่าได้เล่าเรียนมนต์มาจากทิศาปาโมกข์แห่งกรุงตักศิลา  ทันทีที่พราหมณ์กล่าวเท็จ  มนต์ก็เสื่อมโดยไม่รู้ตัว  เมื่อพระราชารับสั่งให้เสกมะม่วงให้เสวย  แม้พราหมณ์จะร่ายมนต์อย่างไร  ก็ไม่ได้ผลอย่างเช่นเคย  พราหมณ์หนุ่มจึงกราบทูลความจริงว่าตนได้เรียนมนต์มาจากอาจารย์จัณฑาล
เมื่อพระราชาทรงทราบความจริงก็กริ้วพราหมณ์หนุ่ม  แล้วตรัสว่า  “บุคคลใดรู้แจ้งธรรมจากอาจารย์ใด  ไม่ว่าเป็นกษัตริย์  พราหมณ์  แพศย์  ศูทร  คนจัณฑาล  อาจารย์นั้นแลเป็นคนที่ประเสริฐสุดของเขา”  เมื่อตรัสแล้วพระราชาก็รับสั่งให้เฆี่ยนพราหมณ์หนุ่ม และขับไล่ออกจากพระนคร
พราหมณ์หนุ่มกลับไปยังที่อยู่ของอาจารย์จัณฑาล  กราบแทบเท้าอาจารย์แล้วสารภาพความผิด  และขอเรียนมนต์ใหม่  แต่อาจารย์จัณฑาลกล่าวว่า  ”  เราประสาทมนต์แก่เจ้าโดยธรรม  เจ้าก็รับเอาไปโดยธรรม  ถ้าเจ้าตั้งอยู่ในธรรม  มนต์ก็จะไม่เสื่อม  ดูก่อนเจ้าทรามปัญญา  มนต์นั้นเจ้าได้มาโดยลำบาก  เป็นของหายากที่จะหาได้ในมนุษย์ในโลกนี้  เราอุตส่าห์ถ่ายทอดให้เจ้าเพื่อเป็นเครื่องมือเลี้ยงชีพ  แต่เจ้ากลับทำลายด้วยการพูดเท็จ  หลอกลวง  เจ้าคนชั่วเอย  มนต์ใดจะมีแก่เจ้า  เราไม่มีวันถ่ายทอดมนต์ให้เจ้าอีกแล้ว”  เมื่อกล่าวจบ  อาจารย์จัณฑาลก็ขับไล่พราหมณ์หนุ่มไปให้พ้นจากบ้านของตน  พราหมณ์หนุ่มออกจากบ้านอาจารย์จัณฑาลด้วยจิตใจแตกสลาย  คิดว่าตนจะมีชีวิตอยู่ทำไม  ตายเสียดีกว่า  แล้วก็เดินทางเข้าป่า  ตายอย่างคนอนาถา

ชาดกเรื่องนี้แสดงให้เห็นว่า  ความกตัญญูกตเวที  หรือ  ความรู้จักและตอบแทนบุญคุณเป็นพื้นฐานสำคัญของบุคคล  ใครมีคุณธรรมข้อนี้  คุณธรรมข้ออื่นๆ  ย่อมเจริญงอกงามขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์

อ้างอิง : http://www.trueplookpanya.com/new/cms_detail/knowledge/2107-00/

ใส่ความเห็น